วิกฤติ น้ำท่วม อุบลฯ
น้ำท่วม ตลอด 1 เดือน ที่ผ่านมา เราก็วนเวียนอยู่แต่กับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในแบบเดิมๆ นั่นก็คือ การลงพื้นที่ การถอดบทเรียน หรือไม่ก็จะเป็นการ ช่วยเหลือ ในแง่ของ เครื่องอุปโภค และ บริโภค ทั้งหลาย แต่ซึ่งอย่างนั้น แท้ที่จริงแล้ว เราควรจะทำอย่างไร กับปัญหาน้ำท่วม จริงๆ แล้ว เราควรจะต้องมาเข้าใจ เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ก่อนว่า ระบบน้ำทั้งหมด ที่อยู่ใน ภาคอีสาน นั้นประกอบไปด้วย 3 ลำน้ำหลัก ลำน้ำแรก ก็คือ ลำน้ำชี ซึ่งอยู่ทางด้านบนของ ภาคอีสาน กับ ลำน้ำมูล ซึ่งช่องล่างของภาคอีสาน ซึ่งทั้ง 2 ลำน้ำนี้ ได้แก่ ลำน้ำมูล และ ลำน้ำชี ก็จะไหลออกไปที่ ลำน้ำโขง ที่จังหวัด อุบลราชธานี เมื่อเราทราบเกี่ยวกับ ภูมิศาสตร์ตรงนี้แล้ว ก็จะต้องมาดูสิ่งที่เคยได้แก้ไข ไปกับปัญหาน้ำท่วม แบบผิดพลาด กันมาตลอด หลายปีที่ผ่านมา นั่นคือ อะไรบ้าง นั่นคือ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในการช่วยอย่างแรก คือ การช่วยด้วยการ เอาถุงยังชีพไปให้ ซี่งตามหลักสากลแล้วนั้น ผู้ที่มีการเตรียมถุงยังชีพ ไม่ใช่ภาครัฐ แต่อันที่จริงแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่ในการเตรียมถุงยังชีพ นั่นคือ ผู้ที่ประสบภัย ที่คิดว่า พื้นที่ของตนเองนั้น เป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมซ้ำซาก น้ำท่วม ทุกปี ดังนั้น ตั้งแต่ วันที่ 29 กันยายน ปีที่ผ่านมา น้ำเริ่มท่วม ตั้งแต่ช่วง ภาคตะวันตกของ ทางภาคอีสาน นั่นก็คือ คนจังหวัด อุบลราชธานี และ คนจังหวัด นครราชสีมา จะต้องกระตือรือร้น ต้องเตรียมตัว
ในแบบเดิมๆ นั่นก็คือการลงพื้นที่ การถอดบทเรียน หรือไม่ก็จะเป็นการ ช่วยเหลือในแง่ของเครื่องอุปโภค และบริโภค ทั้งหลาย แต่ซึ่งอย่างนั้น แท้ที่จริงแล้ว เราควรจะทำอย่างไร กับปัญหาน้ำท่วม จริงๆ แล้ว เราควรจะต้องมาเข้าใจ เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ก่อนว่า ระบบน้ำทั้งหมด ที่อยู่ในภาคอีสานนั้น ประกอบไปด้วย 3 ลำน้ำหลัก ลำน้ำแรก ก็คือ ลำน้ำชี ซึ่งอยู่ทางด้านบนของ ภาคอีสาน กับ ลำน้ำมูล ซึ่งช่องล่างของภาคอีสาน ซึ่งทั้ง 2 ลำน้ำนี้ ได้แก่ ลำน้ำมูล และ ลำน้ำชี ก็จะไหลออกไปที่ ลำน้ำโขง ที่จังหวัด อุบลราชธานี เมื่อเราทราบเกี่ยวกับ ภูมิศาสตร์ตรงนี้แล้ว ก็จะต้องมาดูสิ่งที่เคยได้แก้ไข ไปกับปัญหาน้ำท่วม แบบผิดพลาด กันมาตลอด หลายปีที่ผ่านมา นั่นคือ อะไรบ้าง นั่นคือ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในการช่วยอย่างแรก นั่นคือ การช่วยด้วยการ เอาถุงยังชีพไปให้ ซี่งตามหลักสากลแล้วนั้น ผู้ที่มีการเตรียมถุงยังชพ ไม่ใช่ภาครัฐ แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่มีหน้าที่ ในการเตรียมถุงยังชีพ นั่นคือ ผู้ที่ประสบภัยที่คิดว่า พื้นที่ของตนเองนั้น เป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมซ้ำซาก น้ำท่วม ทุกปี ดังนั้น ตั้งแต่ วันที่ 29 กันยายน ปีที่ผ่านมา น้ำเริ่มท่วม ตั้งแต่ช่วงภาคตะวันตกของทางภาคอีสาน นั่นก็คือ คนจังหวัด อุบลราชธานี และ คนจังหวัด นครราชสีมา จะต้องกระตือรือร้น ต้องเตรียมตัว
ส่วนโครงการที่รัฐบาลได้บอกว่าจะก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการของหน่วยงานที่แก้ไข ปัญหา เรื่องน้ำ ก็คือ
(บิ๊กป้อม) หรือ พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ ได้มีการลงพื้นที่ให้สร้าง พนังกั้นน้ำ โดยให้สร้างจากจุดที่ต่ำสุดไปสู่จุดที่สูงสุด โดยในแผนโครงการ ในการสร้างพนังกั้นน้ำ เป็นเวลาระยะ 20 ปี แต่ก็ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า ตลอดระยะหลายปีเวลาที่ผ่านมา คันกั้นน้ำได้ช่วย จังหวัด อุบลราชธานี เอาไว้ได้ แต่ก็ได้ไม่ทั้งหมด
น้ำท่วม แล้วอะไรที่รัฐบาลกำลังทำอะไร?
ว่าด้วยโครงการอภิมหาโปรเจค มูลค่า 45000 ล้านบาท ซี่งจะมีการตัดยอดน้ำ ไปจนถึง อำเภอ วารินชำราบ ก่อนจะถึงตัวอำเภอเมือง ของจังหวัดอุบลราชธานี แล้ววิ่งยาวไปจนถึงหลัง แก่งสะพือ แล้วลงแม่น้ำโขง โครงการนี้ ในมูลค่า 45000 ล้านบาท กำลังจะสร้างแต่ ตอนนี้ยังไม่ได้สร้าง
หมายความว่า ให้ น้ำท่วมต่อไปจนกว่าจะสร้างเสร็จ ใช่ หรือ ไม่!
และ สุดท้าย อุปสรรคตามธรรมชาติตอนนี้ก่อนลำน้ำมูลจะไหลลง ลำน้ำโขง คือ จะเจออุปสรรคตามธรรมชาติ ที่เรียกชื่อกันว่า “แก่งสะพือ” โดยแก่งสะพือนั้น จะมีสภาพ ภูมิประเทศแบบ ที่เรียกได้ว่า สร้างรายได้ให้กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยปี ๆ นึง อย่างมหาศาล แต่คนที่บอกว่า อยากจะช่วยเกี่ยวกับน้ำท่วม บอกว่าให้ตัด แก่งสะพือ ออกเพราะว่า มันเป็นการขวางลำน้ำ แต่ชาวบ้านก็ไม่ยอม จึงได้เปลี่ยน เป็นการดันน้ำแทน โดยกรมชลประทาน นำเครื่องดันน้ำไปติดไว้บริเวณ พิบูลมังสาหาร และ บริเวณ โขงเจียม แต่ปรากฏว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ต้องมีการเอาเครื่องดันน้ำออก เพราะ ลำน้ำมูลไหลลงสู่ลำน้ำโขง เร็วกว่าเครื่องดันน้ำ นั่นหมายความว่า เครื่องดันน้ำเป็นตัวดันน้ำเสียเอง และนี่คือ เหตุผลที่เอาเครื่องดันน้ำมาติดนั้น แท้ที่จริงแล้ว อาจจะเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำมูล
ลงแม่น้ำโขง เอาเป็นว่าระบบทั้งหมดตอนนี้ และ ที่ผ่านมา 1 เดือน เราแก้กันไปได้เพียงแต่เฉพาะหน้าเท่านั้น ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จังหวัดอุบลราชธานี ที่จริงจัง และ เป็นรูปธรรม และ เด็ดขาด
“อ่านบทความเพิ่มเติม”